AI มาแล้ว... แต่ “ไฟฟ้า” กำลังกลายเป็นคอขวดใหม่ของโลกเทคโนโลยี

07/11/2025



ไฟฟ้ากลายเป็นคอขวดสำคัญของ AI

ปัจจุบันหากบริษัทเทคโนโลยีเจ้าไหนก็ตามต้องการสร้าง Data Center หรือศูนย์ข้อมูลในสหรัฐอเมริกาเพื่อนำมาประมวลคำตอบและพัฒนาโมเดล AI ตัวใหม่ๆ บริษัทนั้นจะต้อง ผ่านคอขวด ด้านไฟฟ้าไปให้ได้ 3 ขั้นก่อน

ขั้นแรก: จำเป็นต้องขออนุญาตเชื่อมต่อใช้ไฟฟ้าระดับสูงที่มีแรงดันและกำลังไฟสูง 100-500MW จากทางรัฐท้องถิ่น ถ้าเริ่มขออนุญาตในวันนี้ต้องใช้เวลานาน 5-7 ปี (ขึ้นอยู่กับรัฐที่ตั้งของโรงไฟฟ้า) หากมีสิทธิ์นี้อยู่แล้วจะเนื้อหอมขึ้นมาทันที เพราะมีสินทรัพย์ที่ประหยัดเวลานำหน้าคู่แข่งได้อยู่ในมือ

ขั้นที่สอง: มีผู้ผลิตไฟฟ้าและระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า (Transmission Line) ที่รองรับไฟฟ้าแรงดันสูง กำลังไฟสูงหลายกิกะวัตต์ในพื้นที่ (กำลังไฟฟ้าระดับเดียวกับที่ส่งพลังงานให้เมืองขนาดกลางได้ทั้งเมือง) ยังไม่นับว่า “สายส่ง” อาจจำเป็นต้องมีช่วงที่ข้ามพื้นที่รัฐ ต้องขออนุมัติแบบรัฐบาลท้องถิ่นหลายขั้นตอน แม้จะมีโรงไฟฟ้าแล้ว การพัฒนาสายส่งและ Smart grid เพื่อจ่ายและกระจายไฟยังใช้เวลานานยิ่งขึ้นไปอีก

ขั้นที่สาม: ผู้อุปกรณ์รองรับสำหรับใช้ภายใน Data Center เช่น ผู้ผลิตระบบทำความเย็น (Cooling Power Management) หรือ การสร้างระบบไฟฟ้าและเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องเข้าด้วยกัน

ถึงแม้จะพยายามย้ายไปตั้งศูนย์ข้อมูลที่ต่างประเทศ เช่น อินเดีย, ประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่า แต่ระบบส่งไฟและความเสถียรของไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงนั้นทำให้เสี่ยงมาก และยิ่งความเชื่อที่ว่า Data คือขุมทรัพย์ การปล่อยให้ Data Center ซึ่งมีข้อมูลของคนอเมริกันมากมายไปอยู่ต่างประเทศนั้นคงไม่ทำให้รัฐบาลสบายใจเท่าไหร่

กลุ่มบริษัทที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในช่วงนี้ คือกลุ่มที่เรียกว่า #NeoCloud มาจากกลุ่มธุรกิจที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ขุดเหมืองเหรียญบิทคอยน์ (Bitcoin Miner) มีพร้อมทั้งสิทธิ์เชื่อมต่อไฟฟ้า ที่ดินและ Hardware สำหรับเดินเครื่องพัฒนาโมเดล AI ต่อได้ เมื่อมีสินทรัพย์ในมืออยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่หาลูกค้าสัญญาระยะยาวในยุคที่บริษัทขนาดใหญ่เร่งลงทุนเรื่อง AI แบบตอนนี้ให้ได้มากที่สุด

ผู้เล่นชั้นนำของกลุ่ม NeoCloud

(1) Coreweave ($CRWV) มูลค่าตลาด US$66.2 พันล้าน มีสัญญา Backlog พร้อมให้บริการมูลค่ากว่า US$30.0 พันล้าน จาก Meta, Nvidia และรัฐบาลสหรัฐ

(2) Nebius ($NBIS) มูลค่าตลาด US$32.9 พันล้าน มีข้อตกลงมูลค่า US$ 17.4 พันล้านกับ Microsoft และมีความต้องการจองระยะยาวแล้วขนาด 1GW

(3) Iris Energy ($IREN) มูลค่าตลาด US$16.5 พันล้าน มีกำลังไฟพร้อมใช้งานสูงถึง 3GW ร่วมมือกับ Microsoft คาดหวังว่าจะสร้าง Margin ได้มาก แต่ตลาดก็ต้องผิดหวังไปเพราะข้อตกลงนี้ ROI จริงต่ำกว่าที่คาด

(4) Applied Digital ($APLD) มูลค่าตลาด US$ 9.7 พันล้าน ได้รับเงิน $5 พันล้านจากกลุ่ม Macquarie สำหรับพื้นที่ Data Center ขนาด 400MW โดยมีผู้เช่าระยะยาวเป็นบริษัท Coreweave

(5) Cipher Mining ($CIFR) มูลค่าตลาด US$ 8.9 พันล้าน มีสัญญามูลค่า $3 พันล้าน กับ Fluidstack AI Hosting เป็นระยะเวลา 10 ปี แม้ดีลนี้จะมี Google ช่วยค้ำประกันเงินลงทุนให้ แต่การต้องกู้เงินเพิ่มถึง $1.4 พันล้านทำให้หุ้นตัวนี้ย่อตัวลงไป 10% ในวันที่ 4 พ.ย. 68

(6) Riot Platform ($RIOT) มูลค่าตลาด US$ 7.3 พันล้าน มีสิทธิ์เข้าใช้ไฟฟ้าสูงถึง 1GW และกำลังแปลงศูนย์ข้อมูลขนาด 600MW เป็น AI Facility

(7) Terawulf ($WULF) มูลค่าตลาด US$ 6.4 พันล้าน มีการจดบริษัทแยกร่วมกัน (Joint Ventures) กับ Google มูลค่า $9.5 พันล้าน

บริษัทอื่นๆ เช่น Hut 8 ($HUT), Cleanspark ($CLSK) Hive digital ($HIVE) และผู้เล่นหน้าใหม่อื่น ๆ ต่างก็กำลังเข้าร่วมเปลี่ยนถ่ายจากการเป็นเหมืองคริปโตมาเป็นศูนย์ข้อมูลประมวลผลข้อมูลเพื่อพัฒนา AI แทน ธุรกิจแบบใหม่นี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น จากเดิม 20-30% กลายเป็น 40-50% หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวได้เลย (และนี่คือสาเหตุที่ตลาดกำลังตื่นเต้นกับกลุ่มนี้มากๆ)

กลุ่มบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์

กลุ่มอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็น ผู้ได้รับประโยชน์ต่อไปจากกระแสนี้ มี 3 กลุ่มด้วย กัน

กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ถือสิทธิ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ได้แก่ $IREN, $CIFR, Bitdeer Technologies ($BTDR), Core Scientific ($CORZ), Marathon Digital ($MARA) คาดหวังว่าการแปลงจากธุรกิจดั้งเดิมอย่างการขุดเหมืองมาสู่ธุรกิจพลังงานสำหรับ AI จะทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น

กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ผลิตพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้าที่พัฒนาระบบรองรับไฟฟ้าแรงดันและกำลังไฟสูง กลายมาเป็นหุ้นเทคโนโลยีทางอ้อมไปด้วย ได้แก่ Next Era Energy ($NEE), Duke Energy ($DUK), Southern Company ($SO), Dominion Energy ($D), Quanta Services ($PWR) กลุ่มนี้เป็นผู้ที่ตลาดคาดหวังว่าจะได้ประโยชน์จากทั้งความต้องการ Data Center จำนวนมากและการพัฒนาโครงข่ายพลังงานทั่วประเทศครั้งใหญ่

กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ผลิตและบริหารศูนย์ข้อมูล ที่ทำระบบบริหารจัดการภายในศูนย์ข้อมูลทั้งระบบทำความเย็น, ระบบเชื่อมต่อเครื่องเซิร์ฟเวอร์, ระบบไฟฟ้าภายในอาคารที่ต้องรองรับไฟฟ้าแรงดันสูง ได้แก่ Equinix (EQIX), Digital Realty (DLR), Schneider Electric (SBGSY), Eaton Corp (ETN) และ Vertiv Holdings (VRT)

มุมมองของ Beyond Wealth

เราเชื่อว่า “พลังงานไฟฟ้าคือค่าเงินใหม่แห่งโลก AI” ธีม NeoCloud นี้ถือเป็นโครงสร้างยุคใหม่ที่รองรับการเติบโตของ AI และยังไม่ได้รับความสนใจมากเท่ากับ GPU บริษัทใดที่ถือสิทธิ์เชื่อมต่อและใช้ไฟฟ้าหลักกิกะวัตต์ (GW) ไว้ก่อนคือผู้กุมความได้เปรียบสูงสุด

นักลงทุนในระยะสั้นควรติดตามสัญญา AI ใหม่ ๆ ที่ยักษ์ใหญ่อย่าง MSFT, AWS หรือ Google จะเข้ามาเซ็นกับกลุ่มนี้ เช่น IREN และ CIFR ส่วนในระยะกลาง ควรมองลึกไปถึงการประเมิน margin ที่แท้จริงของการทำ AI hosting เทียบกับเหมืองขุดเหรียญแบบเดิม เพราะนี่คือการปลดล็อกมูลค่าที่แท้จริง และเป็นเกมที่ใครเปิดก่อนได้เปรียบในคลื่น AI Data Center ชุดต่อไป

#AI #Investment #DataCenter #PowerInfrastructure #AIbottleneck #Neocloud #MegawattArbitrage #IREN #CIFR #VRT #NEE #การลงทุน #หุ้นเทค #BeyondWealth

ข่าวอัพเดทล่าสุด

AI มาแล้ว... แต่ “ไฟฟ้า” กำลังกลายเป็นคอขวดใหม่ของโลกเทคโนโลยี


3 กองทุนรวม “ควอนตัมคอมพิวเตอร์” เทคโนโลยีที่จะช่วยประหยัด ‘งานคำนวณ’ จากหลัก 10 ปี ให้จบในไม่กี่นาทีได้!


แผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนฉบับที่ 15 และหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ได้เวลาของหุ้นจีน A-Shares แล้วหรือยัง?


บล. บียอนด์ (BYD) ลงนามร่วมจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ "SMO"



Copyright © 2020 Beyond Securities Public Company Limited. All rights reserved. | นโยบายความเป็นส่วนตัวและนโยบายการใช้คุกกี้